มาต่อกับ ความจริง ตอนสุดท้าย
12 เดือนต่อจากนั้น, ผมได้ไปเยี่ยมคุณซาวาดะทุกๆเดือนตามที่ผมได้ให้สัญญากับเธอไว้ ซึ่งต่อมา ในปีถัดไปผมได้เปลี่ยนเป็นไปเยี่ยมเธอทุกๆ 3เดือน
ตั้งแต่วันที่ผมกับทาเคชิได้กลับมาติดต่อกัน บ่อยครั้งเจ้าทาเคชิก็มักจะแวะมาเยี่ยมผมแล้วก็มาเช็คดูด้วยว่าผมเป็นอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะหลังจากที่ผมกลับมาจากแวะไปเยี่ยมคุณซาวาดะมันก็มักจะมาหาผมหลังจากนั้นทุกๆครั้ง
2ปีผ่านไปไวมากตั้งแต่ผมย้ายกลับมาอยู่ที่บ้าน ซึ่งคุณซาวาดะก็ได้บอกกับผมบางอย่าง
คุณซาวาดะ: ” ฉันคิดว่าเธอไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับ “มัน” อีกแล้วละนะ โคตะเธอไม่ต้องกลับมาทุกๆ 3เดือนแล้วนะ เธอแค่กลับมาเยี่ยมฉันบ้างถ้าหากเธอต้องการนะ แต่ว่าอย่าได้ประมาทหรือนิ่งนอนใจละ เธอยังคงต้องทำการแผ่เมตตารวมไปถึงฝึกฝนตัวเองตลอด แล้วก็อย่าทำอะไรที่ไม่ดี ตกลงไหม? ”
ตัวผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องทุกอย่างนั้นมันจบสิ้นหรือยัง มันยากมากที่จะบอกได้ในตอนนั้น
หลังจากนั้นสามเดือนต่อมา คุณซาวาดะก็เสียชีวิตลง
ในตอนนั้นผมรู้สึกเสียใจมาก ผมอยากจะใช้เวลากับเธอให้นานกว่านี้เพื่อที่จะได้เรียนรู้อะไรอีกหลายอย่างที่ผมยังต้องเรียนรู้เกี่ยว “มัน” แล้วผมจะหันไปพึ่งใครต่อจากนี้?เพราะว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันยังไม่มีทีท่าว่าจบลงอย่างแน่นอน
หลังจากนั้นเมื่อไม่มีคุณซาวาดะแล้ว ตัวของผมเองก็ตัดสินใจที่จะคิดว่าเรื่องทุกอย่างก็คงจบลงแล้วพร้อมๆกับการจากไปของเธอ
2 เดือนถัดมาหลังจากงานศพของคุณซาวาดะ ความเจ็บปวดที่ต้องสูญเสียคนสำคัญในชีวิตของผมก็ค่อยๆดีขึ้นไปตามกาลเวลา ผมได้พยายามที่จะกลับมาใช้ชีวิตเหมือนกับคนปกติทั่วๆไปอีกครั้ง
ผมได้เริ่มงานใหม่ ซึ่งงานที่ผมทำก็ค่อนข้างหนักมากจนแทบจะไม่มีเวลาที่จะไปคิดถึงเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมาเลย แต่ก็ยังมีบางครั้งที่ความทรงจำเก่าๆมันก็ยังวนกลับเข้ามาในหัวของผม แต่ว่าความทรงจำเหล่านั้นมันก็ดูไกลจากความจริงในขณะนั้นเข้าไปทุกที จนบางทีตัวผมเองก็เริ่มที่จะไม่ค่อยเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมในช่วงเวลาเหล่านั้นอีกต่อไป ราวกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิตผมมาตั้งแต่เริ่ม
ผมไม่เคยบอกเล่าเรื่องราวในอดีตของผมให้กับเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อนใหม่ที่ผมได้พบ ผมแค่อยากที่จะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับปัจจุบันแล้วก็พยายามลืมเรื่องเก่าๆไปซะให้หมด
ต่อมาไม่นานผมได้รับจบหมายฉบับหนึ่งซึ่งถูกส่งมาจากคุณยายของผม ในซองจดหมายนั้นมีข้อความที่ถูกแบ่งออกเป็น 2ฉบับ
ฉบับแรกเป็นจดหมายที่ส่งมาจากคุณยายของผมซึ่งเขียนไว้ว่า:
“ หลานเอ้ย คุณซาวาดะแกทิ้งจดหมายฉบับหนึ่งไว้ให้หลานนะ เธอบอกให้ยายนำไปส่งให้หลานหลังจากที่ผ่านงานศพของเธอไปได้ 49 วันนะหลาน ”
อีกฉบับหนึ่งนั้นมาจากคุณซาวาดะ
“ถึงโคตะ,
เราไม่ได้เจอกันนานเลยนะ เธอเป็นอย่างไรบ้างละสบายดีใช่ไหม?
นี่ก็ผ่านมานานมากแล้วสินะตั้งแต่ตอนที่เธอมาหาฉันที่วัด
ฉันหวังว่าเธอคงไม่ต้องประสบพบเจอกับเรื่องราวน่ากลัวทั้งหลายอีกต่อไปแล้ว
แย่จริงเลยฉันเนี่ยพอเริ่มอายุมากก็เริ่มพูดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
เอาละเดี๋ยวฉันจะเข้าเรื่องละนะ
ฉันเขียนจดหมายฉบับนี้ถึงเธอก็เพราะว่า ฉันต้องการที่จะขอโทษเธอ
อย่าพึ่งเข้าใจผิดนะ ฉันไม่ได้หวังร้ายกับเธอ
แต่ด้วยความจริงแล้วในตอนนั้นฉันเองไม่มีทางเลือกจริงๆ
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามฉันต้องขอโทษเธอจากใจจริง
ฉันขอโทษเธอนะโคตะ
ในวันแรกที่เธอได้มาหาฉันที่วัด ฉันบอกตามตรงเลยว่าฉันนั้นกลัวเอามากๆ
ไอ้เจ้าสิ่งที่เธอพามันมาด้วยในวันนั้นนะ มันทรงพลังมากเกินกว่าที่ฉันเองจะรับมือไหว
แต่ในตอนนั้นฉันเองเห็นเธอรู้สึกกลัวเอามากๆ
เพราะงั้นฉันถึงบอกกับตัวเองว่าฉันจะต้องเข้มแข็งเอาไว้ ฉันจะแสดงความอ่อนแอหรือว่ากลัวออกมาในตอนนั้นไม่ได้เป็นอันขาด เพราะงั้นฉันถึงรวบรวมสติแล้วพยายามทำทุกอย่างเท่าที่ฉันจะทำได้
พูดกันตามตรงนะ
มีหลายสิ่งหลายอย่างบนโลกใบนี้ที่ต่อให้พวกเราพยายามที่จะทำอะไรสักอย่างกับมันเพื่อให้มันออกไปจากเรา หรือไปสู่สุขติแต่ว่ามันก็เหมือนจะไม่ได้มีผลอะไรเลยแม้แต่น้อย
ในวันนั้นนะพวกเราโชคดีมากๆเลยนะ…
โคตะ, เธอเองเป็นอย่างไรบ้างตอนเธออาศัยอยู่ในวัด? เธอรู้สึกดีขึ้นบ้างหรือเปล่า?
หลายครั้งเลยที่ฉันพบเธอ ฉันมักจะคอยเกลี้ยกล่อมให้เธออยู่ที่วัดให้นานขึ้นเท่าที่จะได้
ฉันเองก็พอจะรู้นะว่าเธอเองก็ไม่ได้อยากที่จะอาศัยอยู่ที่วัดซักเท่าไหร่
ฉันเข้าใจความรู้สึกของวัยรุ่นอย่างพวกเธอดี เธอคงอยากที่จะกลับไปเจอเพื่อนๆเจอครอบครัวมากๆเลยใช้ไหมละ การใช้ชีวิตภายในวัดนะอาจจะเป็นเรื่องที่น่าเบื่อสำหรับเธอ
แต่ฉันก็ยังพยายามที่จะยื้อเธอให้อยู่ที่วัดให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
โคตะเอ๋ย, ทุกๆวันฉันนั้นสวดมนต์ขอพรให้กับเธอตลอดช่วงเวลาที่เธออยู่ที่วัด
แต่ไม่ว่าฉันพยายามเท่าไหร่ “ มัน ” ก็ไม่ยอมที่จะไปจากเธอเลย
ฉันใช้เวลาหลายต่อหลายวัน พยายามที่จะเกลี้ยกล่อมให้มันออกไปจากเธอแต่ทว่ามันก็ไร้ผล
ฉันรู้ว่าชีวิตของเธอในตอนนั้น จะต้องเผชิญกับความทุกทรมานราวกับตกนรกทั้งเป็นแน่ๆถ้าเธอตัดสินใจที่จะรีบกลับไปยังบ้านของเธอในตอนนั้น
ฉันแค่อยากให้เธอเข้าใจในเหตุผลที่ฉันให้เธออยู่ที่วัดให้นานสุด
แต่ไม่ต้องกังวลไปแล้วนะ, ทุกๆอย่างมันน่าจะลงเอยด้วยดีแล้วละ
เพราะฉันไม่ได้รู้สึกถึงการมีอยู่ของมันอีกต่อไปแล้ว
แต่ว่าถ้าเกิดเธอยังเจอปัญหาอะไรอีกจงอย่าลังเลที่จะตรงไปยังวัดใหญ่ทันทีเลยนะ เพราะหน้าที่ที่ทางวัดต้องทำหนึ่งในนั้นก็คือให้ความช่วยเหลือพวกเธอ ส่วนเหตุผลที่เธออาศัย และฝึกฝนตัวเองอยู่ภายในวัดในตอนนั้นก็เพื่อที่จะให้ตัวเธอนั้นได้มีพลังอำนาจพอที่จะป้องกัน หรือต่อสู้กับสิ่งชั่วร้ายที่หวังจะเข้ามาทำร้ายเธอนั่นเอง
และสุดท้ายนี้ ฉันเองก็มีบางอย่างที่ฉันต้องบอกกับเธอ
เมื่อชีวิตของเธอต้องตกอยู่ในช่วงเวลาที่ทุกข์ยากหรือลำบากแค่ไหน, จงอย่าทิ้งศรัทธาที่มีต่อพระพุทธศาสนา
เมื่อชีวิตของเธอไม่เหลืออะไรแล้วนอกจากความทุกข์ความเจ็บปวด, เธอต้องตัดสินใจที่จะละทิ้งทางโลกแล้วก้าวสู่ทางธรรมแล้วอุทิศตนเพื่อศาสนาพุทธ
มันไม่ใช่ว่าฉันต้องการที่จะบงการชีวิตของเธอนะ
แต่ถ้าเกิดเรื่องร้ายๆทั้งหลายมันยังไม่จบลงละก็…นั่นหมายถึงชีวิตของนั้นจะต้องแย่แน่ๆ
และนี่ก็เป็นสิ่งที่ฉันคิดว่าน่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเธอ
จงอย่าลังเลที่จะหันมาเป็นพระแบบเต็มตัว
ฉันแน่ใจว่าเธอเองก็คงจะเห็นคนมากมายที่วัดใหญ่นั่นใช่ไหมละ
เหล่าผู้เคราะห์ร้ายที่ตกเป็นเหยื่อของสิ่งชั่วหลายพวกนั้น อย่างที่เธอรู้นั่นละ
เจ้าสิ่งชั่วร้ายพวกนั้นมันจะคอยกัดกินและทำลายชีวิตของเธอลงอย่างช้าๆไปตลอดชั่วชีวิตของเธอ
พวกมันชอบที่จะเห็นพวกเธอทนทุกทรมาณ
พวกมันจะไม่ปล่อยให้เธอได้มีอิสระตราบจนชั่วชีวิตของพวกเธอ
มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าและเจ้บปวดที่ต้องมาเห็นคนพวกนั้นต้องทุกข์ทรมาน
เช่นเดียวกับที่ฉันเองก็อยากจะช่วยให้พวกเขาพ้นจากความทุกข์เป็นอย่างมาก
แต่มันก็น่าเสียดายที่ถึงแม้กระทั่งพวกเราให้ทีมของพวกเราที่เรียกได้ว่ามีวิชาแก่กล้า, ก็ยังมีหลายต่อหลายครั้งที่พวกเราก็ยังล้มเหล้วที่จะช่วยเหลือพวกเขา
บ่อยครั้งที่พวกเราต้องทนเห็นพวกเขาทุกข์ทรมาน ไอ้สิ่งพวกนั้นบางทีมันก็แข็งแกร่งเกินกว่าที่มนุษย์อย่างพวกเราจะรับมือกับมันได้
ฉันไม่อยากให้เธอต้องมาตายเพราะเรื่องพวกนี้นะโคตะ
ฉันตัดสินใจที่จะช่วยเธอ และพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะให้เธอรอดพ้นจากเงื้อมือของมันเท่าที่ฉันจะทำได้
แต่ฉันเองก็พูดได้ไม่เต็มปากว่าเจ้าสิ่นนั้นมันจะหายไปตลอดกาล
แต่สิ่งที่ฉันบอกกับเธอได้อย่างแน่นอนก็คือ ฉันไม่ได้รู้สึกถึงการมีอยู่ของมันอีกต่อไปแล้วและฉันคิดว่ามันคงจะจบแล้วนะ
แต่เธอเองก็อย่าได้นิ่งนอนใจเป็นอันขาด
เพราะบางทีมันอาจจะแค่หลบอยู่ที่ไหนซักแห่ง เพื่อรอเวลาที่เธอเผลอหรือเมื่อวันที่เธอใช้ชีวิตจนขาดสติ
เพื่อที่มันจะมอบความทุกข์ทรมานความสิ้นหวังให้กับเธออีกครั้ง เพราะนั่นคือสิ่งพวกมันชอบที่จะเห็นพวกเราทรมาน หรือมันอาจจะทำไปเพื่อความสนุกของมัน พวกเราเองก็ไม่อาจที่จะรู้สาเหตุจริงๆของพวกมันได้เลย
เพราะฉะนั้นฉันจึงได้เขียนจดหมายนี้เพื่อย้ำเตือนสติของเธออีกครั้ง
จงอย่าใช้ชีวิตอย่างประมาท หรือขาดสติเป็นอันขาด
จงใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงสถานที่อันตรายทั้งหลาย
รวมไปถึงอย่าพยายามหาเรื่องใส่ตัวเอ็นอันขาด สัญญานะ ?
ฉันต้องขอโทษเธออีกครั้งที่ไม่ได้บอกความจริงกับเธอตั้งแต่แรก
ฉันอาจจะดูเป็นคนเห็นแก่ตัวที่ในตอนนี้ฉันมาขอร้องให้เธอเชื่อในสิ่งที่ฉันพูด
แต่อย่างน้อยเธอจงรู้ไว้ว่าฉันสวดภาวนาขอให้เธอปลอดภัยในทุกๆวันจนกระทั่งวาระสุดท้ายของฉันได้มาถึง
และฉันก็ได้ภาวนาขอให้เธอมีสุดภาพที่แข็งแรงไปตลอดชั่วชีวิตของเธอด้วยนะ
ด้วยรักและห่วงใย,
ซาวาดะ”
—
ในตอนนั้นมือของผมนั้นชุ่มไปด้วยเหงื่อ
ผมรู้สึกกลัวมาอีกครั้ง ผมรู้สึกเหมือนถูกทิ่มแทงด้วยเข็มจำนวนนับไม่ถ้วนตามทั่วร่างกาย
ตัวของผมเย็นยะเยือกแต่แปลกที่ผมนั้นเหงื่อไหลออกมาไม่หยุดหัวใจของผมนั้นเต้นรัวไม่หยุด
ผมจะทำยังไงดี?
เรื่องทั้งหมดมันยังไม่จบจริงๆเหรอ??
ผมเริ่มรู้ว่าเหมือนกับว่า “ มัน ” กำลังจ้องมองผมอยู่ที่ไหนซักแห่ง
จดหมายที่ผมอ่านอยู่ในตอนนั้นมันคือจดหมายที่ยืนยันว่าผมไม่อาจจะหนีไปจากเรื่องทีเ่กิดขึ้นได้
มันจะกลับมาปราฎตัวต่อหน้าผมตอนไหนก็เมื่อไหร่ก็ได้ตามที่มันต้องการ
ผมไม่รู้จะเชื่ออะไรอีกต่อไปแล้ว…
คุณซาวาดะบอกกับผมว่าที่เธอต้องโกหกผมเพราะเธอไม่อยากให้ผมต้องเครียดและกังวล
แล้วทำไมเธอถึงบอกกับผมว่าทุกอย่างจะไม่เป็นไร ผมจะต้องปลอดภัย หรือว่าเธอยังเห็นว่ายังมีหวัง
หรือว่าเธอเองนั้นรู้อยู่แล้วว่าเรื่องทุกอย่างจะลงเอยไม่ดี ผมต้องกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้นใช่ไหม?
แล้วนี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เธอต้องสวดภาวนาให้กับผมทุกวันใช่ไหม?
เดี๋ยวนะ..
หรือว่ามันจะทำร้ายคุณซาวาดะ…? เธอถูกมันทรมานหรือเปล่า?
หรือว่านั่นคือเหตุผลที่เธอบอกในจดหมายว่าทุกอย่างโอเคแล้ว?
หรือว่าสาเหตุเหตุที่เธอต้องเสียชีวิตนั้นเป็นเพราะไอ้สิ่งนั้น??? มันฆ่าเธอ?
หรือว่าฮายาชิก็ต้องจบชีวิตลงเช่นเดียวกัน?
มันพูดอะไรกับฮายาชิกันแน่?
มันพูดอะไรบางอย่างที่ผลักดันให้ฮายาชิต้องสติแตกแล้วกลายเป็นบ้าหรือเปล่า?
งั้นสุดท้ายแล้ว ทุกอย่างก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยสินะ?
ผมเองยังคงไม่ได้ไปไหนนอกจากอยู่ที่เดิมที่จุดเริ่มต้นงั้นสินะ…?
Epilogue
ก็อย่างที่บอกตั้งแต่เริ่มนั่นละครับ… 2ปีครึ่งผ่านไป ผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่าเรื่องราวของผมนั้นมันมาถึงจุดไหนแล้ว
จนกระทั่งถึงวันนี้น ผมเองก็ยังไม่พบคำตอบสักทีว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นกันแน่
ชีวิตจริงมันไม่เหมือนในละครที่ตัวเอกของเรื่องนั้น สุดท้ายแล้วเขาก็มักจะรู้ถึงต้นตอหรือสาเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด หรือเขาอาจจะเป็นตัวอย่างที่จะนำพวกคุณไปสู่ทางออกของปัญหา…แต่ละครก็คือละคร
ในชีวิตจริงมันไม่มีหรอกเรื่องราวปาฏิหารย์พวกนั้น
สิ่งที่จะตอบผมได้ดีที่สุดนั้นก็คือ ผมเองที่โชคไม่ดี
ใครจะรู้ละว่าสุดท้ายแล้วไอ้ความซวยพวกนั้นมันจะกลายเป็นเรื่องที่โหดร้ายได้ขนาดนี้?
ชะตาชีวิตบางทีก็ไม่ยุตธรรมเอาเสียเลย
สิ่งที่ผมจะพูดกับพวกคุณได้นั้นก็คือ เมื่อคุณถูกบางอย่างเข้าสิง หรือ พยายามติดตามคุณไปทุกที่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นอาจไม่ใช่เรื่องตลกสำหรับคุณแน่ๆ
เหมือนที่ผมบอกไว้ตั้งแต่แรก
และสุดท้ายนี้
ผมอยากจะขอโทษท่านผู้อ่านไว้ ณ ที่นี้
ข้อมูลบางอย่างในเรื่องนี้เป็นข้อมูลที่ผมเปลี่ยนแปลง เพื่อที่จะปกปิดตัวตน รวมไปถึงทำให้เนื้อเรื่องนั้นง่ายต่อการอ่านมากยิ่งขึ้น แล้วก็ยังมีข้อมูลบางอย่างที่ผมเองก็ไม่อาจที่จะอธิบายได้ละเอียดซักเท่าไหร่ รวมไปถึงข้อมูลบางอย่างที่ผมเองก็ยังไม่แน่ใจด้วย ผมหวังว่าทุกคนจะเข้าใจ….
ถ้าเกิดมีข้อมูลบางช่วงอาจจะอธิบายไม่ละเอียดพอหรือว่าสร้างความสับสนให้แก่ท่านผู้อ่าน ทางผมต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
ตัวผมเองไม่ใช่นักเขียน หรือมีความชำนาญในการเขียนบทความสักเท่าไหร่ ผมเชื่อว่าท่านผู้อ่านบางท่านนั้นมีความสามารถในเรื่องนี้มากกว่าผมแน่นอน
แต่ว่านั่นไม่ใช่สิ่งผมผมต้องการที่จะขอโทษ
ผมเองได้โกหกพวกท่านเกี่ยวกับบางอย่างในเนื้อเรื่องที่เกี่ยวกับแก่นสารของเนื้อเรื่องนี้
ผมพยายามอย่างมากที่จะไม่ให้ท่านผู้อ่านสังเกตุเห็นถึงความผิดปกติ เพราะว่าผมเองก็ไม่ใช่นักเล่าเรื่องที่ดีซักเท่าไหร่
ผมกังวลว่าท่านผู้อ่านอาจจะรู้สึกผิดหวังในตอนนี้
แต่ได้โปรดช่วยเข้าใจผมด้วยว่า ผมเองก็แค่อย่าน้อยอยากให้ใครซักคนได้รับรู้ว่ามันมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจริงๆในชีวิตของพวกเราทุกคน
และสุดท้าย
ผมนั้นคือ ทาเคชิ
ผมรู้สึกเสียใจรวมไปถึงไม่รู้จะโทษตัวเองยังไงดีหลังจากที่เรื่องทั้งหมดได้เกิดขึ้นกับเพื่อนของผม โคตะ
.
.
.
จบจบบริบูรณ์
ก็จบไปแล้วนะกับเรื่องราวของ ความจริง ในตอนสุดท้ายขอบคุณท่านผู้อ่านที่ติดตามเรื่องราวจนจบ ทางเรานั้นพยายามที่จะเฟ้นหาเรื่องราวสยองขวัญ เรื่องชวนขนหัวลุกมาให้ท่านผู้อ่านได้อ่านเพื่อความบันเทิง ซึ่งทางเราก็หวังว่าเนื้อเรื่องที่เรานำเสนอมานั้นจะถูกใจคุณผู้อ่านไม่มากก็น้อย
ส่วนใครที่อยากอ่าน Real | ความจริง ตอนอื่นๆสามารถกดเลือกได้ตาม link ข้างล่างนี้ได้เลย
Real | ความจริง Part 1 : The Beginning
Real | ความจริง Part 2 : วันต่อมา (The next day)
Real | ความจริง Part 3 : การเดินทางกลับบ้าน (Coming home)
Real | ความจริง Part 4 : คุณฮายาชิ (Hayashi)
Real | ความจริง Part 5 : ผลสรุปของพิธีกรรม และการออกเดินทาง (The Aftermath and Travel)
Real | ความจริง Part 6 : การพบกับคุณซาวาดะ (Meeting Sawada)
Real | ความจริง Part 7 : การใช้ชีวิตภายในวัด (Life at the temple)
Real | ความจริง Part 8 : การเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง (Starting a life again)