Between A and M
ผมได้มีโอกาสเจอมันเมื่อวานเป็นครั้งแรกหลังหลังจากเกิดเรื่องในวันนั้น
ผมถามมันเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันนั้นทั้งหมด
ไอ้ M มันบอกว่า
“ อืม… กูจะเริ่มไงดีวะ คือ พื้นที่หรือเขตที่ครอบครัวของ S เนี่ยนะ… จะพูดไงดีวะ เดี๋ยวนะกูนึกก่อน เอ่อ..กูไม่รู้จะใช้คำไหนดี เอาเป็นว่าพื้นที่ๆของครอบครัว S อาศัยอยู่เนี่ยเป็นเขตของพวก บุระคุ (Buraku)…!! ”
“ ไอ้สิ่งที่มึงเห็นในวันนั้น… กูหมายถึง ตามพื้นที่ๆคนพวกอาศัยอยู่ มันจะมีไอ้ของแบบนั้น ไอ้ Kotoribako กระจายอยู่ด้วย “
“ แต่ไม่ต้องเป็นห่วง กูจัดการกับไอ้กล่องใบนั้น( Kotoribako )เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่พ่อกูกลับมา พวกกูก็ได้เอามันไปไว้ในที่ๆปลอดภัย ”
ท่าทีของไอ้ M มันไม่ค่อยจะรู้สึกดีที่ต้องพูดเรื่องนี้ ผมไม่สามารถบังคับมันให้เล่าทุกอย่างให้กับผมได้รู้ในวันนั้น ทันใดนั้นมันก็เริ่มพูดต่อ
“ ไอ้สิ่งที่อยู่ข้างในกล่องนั้นนะมันเต็มไปด้วย ความอาฆาตพยาบาทที่แรงกล้ามากๆ “
“ คือกูพยายามจะบอกว่า ภายในกล่องนะมันจะเต็มไปด้วยชิ้นส่วนเล็กๆของมนุษย์ เช่นพวกเล็บ นิ้วมือ หรือแม้กระทั่งสายสะดือ !!“
“ จะพูดไงดีวะ…กูว่ากูคงบอกได้แค่ว่า ไอ้เรื่องการเหยียดชนชั้น เนี่ยมันควรจะหยุดได้แล้ว ความอาฆาตพยาบาท ความงมงาย มันเป็นสิ่งที่เลวร้ายเอามากๆ
ความโกรธแค้น ความอาฆาตพยาบาทเนี่ย…มันน่ากลัวนะ เพราะมันสามารถผลักดันให้ผู้คนทำในสิ่งที่ คนธรรมดาอย่างเราไม่มีวันเข้าใจ บางสิ่งที่เหมือนกับไอ้เจ้ากล่องไม้ใบนั้นนั่นแหละ “
“ ตาของกูเนี่ยเคยต้องดูแลจัดการกับไอ้พวกกล่องแบบนี้ ซึ่งตอนแรกกูก็คิดว่าไอ้กล่องพวกนี้ทั้งหมดนะมันได้ถูกจัดการโดยตาของกูไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว “
“ และกูก็ไม่เคยคิดว่าในชีวิตกู กูจะต้องมาเจอกับไอ้เจ้ากล่องไม้( Kotoribako )พวกนั้น ”
“ กูไม่เคยคิดที่จะฝึกฝนจริงๆจังๆ ในฐานะนักบวชเลย เพราะงั้นในวันนั้นกูถึงได้สติแตก ดูท่าว่าต่อจากนี้กูคงต้องฝึกฝนอย่างจริงๆจังๆซะแล้วละ ”
“ ผู้คนบอกกับกูว่ากูไม่ได้มีพรสวรรค์อะไร แต่ดูท่าว่ากูคงไม่มีทางเลือก “
“ วันนี้หลังจากที่กูได้บอกให้มึงได้รู้เกี่ยวกับเรื่องของพวกบุระคุ กูอยากให้มึงสัญญากับกูนะว่ามึงอย่าเปลี่ยนทัศนคติของมึงที่มีกับ S นะเว้ยเพราะยังไงเธอก็เป็นเพื่อนของพวกเรา และสุดท้ายไอ้เรื่องพวกนี้มันก็ผ่านมานานแล้ว ไอ้เรื่องการเหยียดชนชั้นเนี่ย มันเป็นเรื่องโบราณคร่ำครึ กูบอกตามตรงว่ามันเป็นเรื่องที่ไร้สาระ และน่าเกลียดเอามากๆ “
ผมตอบมันกลับไปว่า “ เอ้ยแน่นอนไม่ต้องห่วงยังไงไอ้ S มันก็เพื่อนพวกเรา “
ผมได้ถามมันอีกว่าผมขอเอาเรื่องที่เกิดขึ้นนี้มาเล่าให้คนอื่นฟังได้มั้ยซึ่งไอ้ M มันก็โอเค โดยมันบอกกับผมว่า
“ มันไม่ใช่ว่ามึงจะโดนคำสาปซะหน่อยถ้าหากมึงเอาเรื่องพวกนี้ไปพูดต่อให้คนอื่นฟัง ”
“ เอาจริงๆกูว่าไม่มีใครเค้าเชื่อมึงหรอก คนเค้าจะหาว่ามึงโกหกไม่ก็บ้าส่วนกูแค่ทำเป็นไม่รู้เรื่องก็เท่านั้นเอง “
และนี่ก็คือประสบการณ์ระทึกขวัญที่ผมเจอมากับตัวเอง
ผมต้องขอขอบคุณท่านผู้อ่านที่ติดตามจนจบนะครับ
ผมพนันเลยว่าเพื่อนผมไม่มีใครคิดที่จะโพสหรือแชร์เรื่องราวแบบนี้บนโลกอินเตอร์เน็ตแน่นอน เพราะมันไม่รู้วิธีใช้คอม ฮ่าๆๆ ล้อเล่นนะครับ
โอเคเข้าเรื่องกันต่อ
ผมพบว่ามีเรื่องเล่าของเจ้ากล่องไม้ต้องคำสาปที่คล้ายๆกับเรื่องที่ผมเล่าให้ท่านผู้อ่านได้อ่านกัน จากเว็บไซต์บางเว็บเช่นกัน
ซึ่งมักจะพูดถึงกล่องไม้ที่ข้างในนั้นบรรจุพวกชิ้นส่วนเล็กๆของมนุษย์ เช่นเล็บมือ, ผม หรือแม้กระทั่งเศษกระดาษบางอย่างที่เขียนคำบางอย่างที่เกี่ยวกับจักรพรรดิในยุคสมัยโชวะ
มันเลยทำให้ผมเกิดความสงสัยว่าไอ้การที่เราจะสาปแช่งใครซักคนนี่ ใช้แค่กล่องไม้กับชิ้นส่วนของมนุษย์แค่นั้นเองหรือ?
แต่วันนี้ผมขอพักแค่นี้ก่อนนะครับ เนื่องจากตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกล้าหลังจากที่นั่งเขียนเรื่องพวกนี้ตั้งแต่เช้า
เดี๋ยวมาต่อกันช่วงที่ 2 นะครับ

ประกาศ
ใครที่อยากอ่าน Kotoribako ตอนอื่นๆสามารถกดเลือกได้ตาม link ข้างล่างนี้ได้เลย
Chapter IV: The Unfolded truth Part-1 <全貌 Part-1>
Chapter V: The Unfolded truth Part-2 <全貌 Part-2>
Chapter VI: The Story Of J and The Rules
Chapter VII: The Villagers and The Box